ภาษีป้ายไฟ เรื่องสำคัญที่เจ้าของร้านยุคใหม่ต้องรู้ก่อนทำป้ายหน้าร้าน

การทำป้ายร้านด้วยป้ายไฟในยุคนี้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ธุรกิจแทบทุกประเภท “ต้องมี” ทั้งเพื่อดึงดูดสายตา เพิ่มภาพลักษณ์ และช่วยให้ร้านดูเป็นมืออาชีพขึ้น แต่หลายคนไม่รู้ว่าป้ายไฟที่ติดอยู่หน้าร้านของเรา มีเรื่อง “ภาษีป้ายไฟ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากไม่เข้าใจให้ดี อาจทำให้เจ้าของร้านเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรืออาจถูกปรับแบบไม่ตั้งใจได้เลยทีเดียว บทความนี้จะพาคุณเข้าใจภาษีป้ายไฟแบบครบที่สุด ตั้งแต่ความหมาย การคำนวณ วิธีการยื่น ไปจนถึงข้อควรรู้ที่เจ้าของร้านควรระวัง

หัวข้อที่น่าสนใจ

ก่อนจะทำป้ายไฟหรือเปลี่ยนหน้าร้านใหม่ สิ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนคือ “ภาษีป้ายไฟ คือภาษีท้องถิ่นที่เจ้าของป้ายต้องชำระทุกปี” ซึ่งเป็นข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย โดยป้ายไฟจัดอยู่ในกลุ่ม “ป้ายที่มีอักษรหรือภาพ ที่มองเห็นได้จากภายนอกอาคาร” ไม่ว่าจะเป็นป้ายไฟ LED ป้ายกล่องไฟ ป้ายไฟชื่อร้าน หรือป้ายไฟโฆษณา

ภาษีป้ายไฟแตกต่างจากค่าไฟที่ใช้เปิดป้าย และไม่ใช่ค่าติดตั้งป้าย แต่เป็น “ภาษีประจำปี” ที่คิดตามพื้นที่ของป้ายและรูปแบบของตัวอักษรบนป้าย ดังนั้น หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะร้านกาแฟ ร้านอาหาร คลินิก ร้านเสื้อผ้า หรือแม้แต่ร้านทำผม ก็ล้วนต้องทำความเข้าใจภาษีนี้ก่อนตัดสินใจทำป้ายใหม่

หลายคนสงสัยว่าป้ายไฟทุกชนิดต้องเสียภาษีไหม? เพื่อความเข้าใจง่าย เรามาทำความรู้จักประเภทของป้ายไฟที่ต้องเสียภาษี และป้ายที่ไม่เข้าข่าย

ป้ายไฟส่วนใหญ่ถูกจัดเป็นป้ายที่ต้องเสียภาษี เนื่องจากมีการแสดงชื่อร้าน สินค้า หรือโลโก้ให้ผู้อื่นมองเห็น ตัวอย่างเช่น

  • ป้ายไฟชื่อร้าน (เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขนม)
  • ป้ายไฟ LED วิ่งข้อความ
  • ป้ายกล่องไฟแบบแขวนหรือแบบยืน
  • ป้ายไฟแบ็กไลท์ที่มีโลโก้หรือข้อความ
  • ป้ายไฟโฆษณาโปรโมชั่น
    ป้ายเหล่านี้มีทั้ง “อักษรไทย” “อักษรต่างประเทศ” และ “โลโก้” ซึ่งล้วนมีผลต่อการคำนวณอัตราภาษีป้ายไฟทั้งสิ้น

แม้จะเป็นป้ายไฟ แต่บางประเภทได้รับการยกเว้น เช่น

  • ป้ายที่ติดภายในอาคารและไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอก
  • ป้ายที่เป็นป้ายศาสนา เช่น ป้ายวัด ป้ายพระ
  • ป้ายที่ไม่ได้มีข้อความหรือโลโก้แสดงการค้า
  • ป้ายไฟที่เป็นสัญลักษณ์ด้านความปลอดภัย เช่น ป้ายไฟทางหนีไฟ
    หากป้ายของคุณอยู่ในกลุ่มนี้ คุณไม่ต้องยื่นภาษีประจำปี

ก่อนยื่นภาษี เจ้าของร้านควรรู้วิธีคำนวณ เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง โดยการคิดภาษีป้ายไฟจะแบ่งตามประเภทของข้อความบนป้าย

  1. มีอักษรไทย
    อัตรา: ปีละ 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร (หรือ 0.5 ตร.ม.)
  2. มีอักษรไทย + อักษรต่างประเทศ
    อัตรา: ปีละ 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
  3. มีเฉพาะอักษรต่างประเทศ, โลโก้, ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ล้วน
    อัตรา: ปีละ 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

ตัวอย่าง
ป้ายไฟร้านกาแฟขนาด 100 ซม. × 50 ซม. = 5,000 ตารางเซนติเมตร
ข้อความบนป้ายมีทั้งชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เช่น
“กาแฟดีใจ DeeJai Coffee”
→ เข้ากลุ่มอักษรไทย + ต่างประเทศ (อัตรา 10 บาท)

คำนวณ:
5,000 ÷ 500 = 10 หน่วย
10 × 10 บาท = 100 บาท/ปี

นี่คือภาษีที่ต้องจ่ายต่อป้ายหนึ่งแผ่นใน 1 ปี

การยื่นภาษีป้ายไฟสามารถทำได้สองช่องทาง คือยื่นด้วยตนเองที่เทศบาล/อบต. หรือยื่นออนไลน์ในบางพื้นที่ ขั้นตอนโดยทั่วไปประกอบด้วย 4 ขั้นดังนี้

1. เตรียมเอกสารให้ครบก่อนยื่น

  • สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือรับรองบริษัท
  • รูปถ่ายป้ายไฟ (ชัดเจนทุกมุม)
  • ขนาดป้ายทั้งกว้างและยาว
  • รายละเอียดข้อความบนป้าย
  • สัญญาเช่าร้าน (ถ้ามี)

2. ยื่นคำร้องภาษีป้ายภายใน 31 มกราคม

ทุกปีต้องยื่นไม่เกิน 31 มกราคม หากเลยกำหนด อาจมีค่าปรับเพิ่มตามกฎหมาย ตั้งแต่ 5–20%

3. รอการตรวจสอบ

เทศบาลจะตรวจสอบว่า

  • ป้ายไฟมีขนาดตามที่ระบุหรือไม่
  • เข้าข่ายภาษีประเภทใด
  • อยู่ในพื้นที่ที่ต้องชำระหรือไม่

4. ชำระภาษี และเก็บหลักฐานไว้

เมื่อได้รับการประเมินภาษีแล้ว เจ้าของร้านสามารถชำระได้ผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงิน หรือบางพื้นที่รองรับการจ่ายแบบออนไลน์

เพื่อไม่ให้เจ้าของร้านต้องปวดหัวภายหลัง นี่คือข้อควรรู้ที่หลายคนมักมองข้าม

เปลี่ยนป้ายใหม่ ต้องยื่นภาษีใหม่

ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนโลโก้หรือข้อความบนป้ายไฟเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นป้ายใหม่ ต้องแจ้งยื่นอีกครั้งในปีถัดไป

ไม่ยื่นภาษีป้ายไฟ = โดนปรับ

ค่าปรับสำหรับผู้ไม่ยื่นหรือยื่นช้า อาจสูงถึง 5 เท่าของภาษีที่ต้องเสีย ดังนั้นควรทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก

ป้ายไฟ LED วิ่งข้อความก็ต้องเสีย

หลายร้านเข้าใจผิดว่าป้าย LED เป็นจอ ไม่ใช่ป้าย แต่ตามกฎหมายถือว่าเป็นป้ายที่มีอักษรและแสดงข้อความ จึงต้องเสียภาษี

ป้ายไฟที่มีโลโก้ล้วน อาจเข้ากลุ่มภาษีแพงสุด

เพราะโลโก้ถือเป็น “ลวดลายหรือตราสัญลักษณ์” ไม่ใช่อักษรไทย
→ อัตราอาจขึ้นไปถึงปีละ 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ควรคำนวณก่อนออกแบบป้าย

หลายร้านไม่รู้ว่าการออกแบบป้ายไฟบางแบบทำให้ภาษีสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ด้านล่างนี้คือเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ช่วยประหยัดให้คุณได้

ใช้อักษรไทยร่วมด้วย ช่วยลดอัตราภาษี

หากป้ายมีทั้งไทย + ต่างประเทศ → อัตรา 10 บาท แต่ถ้าใช้ต่างประเทศล้วน → ขึ้น 20 บาททันที

เลือกขนาดป้ายอย่างพอดี ไม่ใหญ่เกินความจำเป็น

เพราะภาษีป้ายไฟคิดตามพื้นที่ ยิ่งป้ายใหญ่เท่าไหร่ ภาษีก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

แยกป้ายออกเป็นหลายชิ้น อาจช่วยการจัดวางได้ดีขึ้น

และบางกรณีช่วยควบคุมขนาดที่ต้องเสียภาษี แต่ควรให้ช่างป้ายประเมินก่อนทุกครั้ง

การยกตัวอย่างจะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าภาษีป้ายไฟเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงอย่างไร

ร้านกาแฟเปิดใหม่ ไม่รู้ว่าป้ายไฟต้องเสียภาษี → โดนปรับย้อนหลัง

ร้านหลายร้านติดป้ายอยู่หลายปีไม่เคยยื่น พอมีการตรวจพื้นที่ ถูกเรียกเก็บย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับ ทำให้เสียเงินมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

ร้านเสื้อผ้าติดโลโก้ใหญ่บนกล่องไฟ → ภาษีสูงกว่าที่คิด

เจ้าของร้านคิดว่ามีแค่โลโก้ ไม่ใช่อักษรไทย เลยไม่ต้องเสียภาษี แต่กลับเข้ากลุ่ม “โลโก้ล้วน” ซึ่งมีอัตราสูงสุด

การทำป้ายไฟไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์ แต่ต้องคำนึงถึง กฎหมายและภาษีป้ายไฟ ด้วย หากคุณต้องการป้ายที่สวย ใช้งานได้ยาว และออกแบบอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น แนะนำเลือกใช้บริการจากร้านทำป้ายที่ให้คำปรึกษาด้านภาษีป้ายด้วย จะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา

ร้านป้ายมืออาชีพมักให้บริการครบ เช่น

  • แนะนำขนาดป้ายให้เหมาะกับงบ
  • ออกแบบแบบที่เสียภาษีไม่แพง
  • ถ่ายรูปป้ายเพื่อใช้ในเอกสารยื่นภาษี
  • ให้คำปรึกษาว่าป้ายแบบไหนเข้าข่ายต้องเสียหรือไม่ต้องเสีย

ช่วยให้เจ้าของร้านมั่นใจได้ว่า ป้ายไฟสวย และถูกต้องตามกฎหมาย 100%

ป้ายไฟเล็ก ๆ หน้าร้าน ต้องเสียไหม?

ถ้ามองเห็นจากภายนอก และมีข้อความหรือโลโก้ → ต้องเสีย

ถ้ามีหลายป้าย ต้องเสียทุกป้ายหรือไม่?

ใช่ ต้องเสียทุกป้าย โดยคำนวณแยกตามขนาด

ป้ายทางหนีไฟที่เป็นไฟ LED ต้องเสียไหม?

ไม่ต้อง เพราะเป็นป้ายด้านความปลอดภัย

สรุป: ภาษีป้ายไฟไม่ใช่เรื่องยาก หากรู้ล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อม

ภาษีป้ายไฟเป็นเรื่องที่เจ้าของร้านหลายคนไม่ค่อยรู้ แต่มีผลต่อค่าใช้จ่ายประจำปีอย่างชัดเจน การเข้าใจวิธีคำนวณ ขั้นตอนยื่น และรูปแบบป้ายที่เข้าข่ายช่วยให้ร้านคุณประหยัดเงินและหลีกเลี่ยงค่าปรับได้อย่างมาก

หากคุณกำลังมองหาป้ายไฟหน้าร้านที่ทั้งสวย โดดเด่น และออกแบบตามหลักภาษีป้ายไฟอย่างถูกต้อง ขอแนะนำบริการผลิตป้ายไฟคุณภาพสูง พร้อมให้คำปรึกษาด้านขนาดและรูปแบบที่เหมาะกับธุรกิจ เพื่อให้ป้ายของคุณคุ้มค่า ใช้งานได้ทนทาน และไม่เสี่ยงผิดกฎหมาย ดูผลงานและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://109menu.com/lightbox