การเรียกดูเว็บไซต์หรือการท่องเว็บได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรา ซึ่ง Web Browser หรือ เว็บบราวเซอร์ มีบทบาทสำคัญในการทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ตได้ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ 8 บราว์เซอร์เว็บยอดนิยมในโลก พร้อมลงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติ, Rendering Engine และจุดเด่น จุดด้อยของแต่ละเบราว์เซอร์
เว็บบราวเซอร์ (Web Browser) คืออะไร:
เว็บเบราว์เซอร์คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเข้าถึงและแสดงเนื้อหาจากอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเนื้อหาที่เป็นรูปแบบเว็บเพจ ซึ่งประกอบด้วยข้อความ, ภาพ, วิดีโอ, และสื่ออื่น ๆ ที่เข้าถึงได้ผ่านทาง URL (Uniform Resource Locator) หรือที่อยู่เว็บ
การทำงานของเว็บเบราว์เซอร์:
- การร้องขอ: เมื่อผู้ใช้ป้อน URL ลงในแถบที่อยู่, เว็บเบราว์เซอร์จะส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บเนื้อหาของเว็บเพจนั้น
- การรับข้อมูล: เซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อมูลกลับมาในรูปแบบ HTML, CSS, และ JavaScript
- การแสดงผล: เว็บเบราว์เซอร์จะแปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็นเว็บเพจที่ผู้ใช้สามารถเห็นและโต้ตอบได้
เว็บเบราว์เซอร์มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และมีหลายรุ่น หลายแบรนด์ ที่ให้ผู้ใช้เลือกใช้ เช่น Google Chrome, Firefox, Safari, Microsoft Edge และอื่น ๆ
แนะนำ 8 Web Browser ที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก
การเรียกดูเว็บไซต์หรือการท่องเว็บได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรา ซึ่ง Web Browser หรือ เว็บเบราว์ เซอร์ มีบทบาทสำคัญในการทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ตได้ 109menu จะพาไปทำความรู้จักกับ 8 เว็บเบราว์เซอร์ ยอดนิยมในโลก พร้อมลงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติ, Rendering Engine และจุดเด่น จุดด้อยของแต่ละเบราว์เซอร์ดังนี้
Google Chrome
- ประวัติ: เปิดตัวครั้งแรกในปี 2008 โดย Google
- Rendering Engine: Blink
- จุดเด่น: รองรับส่วนเสริมมากมาย, อัพเดทอัตโนมัติ, ปลอดภัย
- จุดด้อย: บางครั้งใช้หน่วยความจำมาก
Mozilla Firefox
- ประวัติ: เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 โดย Mozilla Foundation
- Rendering Engine: Gecko
- จุดเด่น: แก้ไขประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง, รองรับส่วนเสริม, ความเป็นส่วนตัวสูง
- จุดด้อย: บางเว็บไม่สามารถรองรับได้เต็มที่
Microsoft Edge
- ประวัติ: อัพเกรดมาจาก Internet Explorer ซึ่งเปิดตัวในปี 2015 โดย Microsoft
- Rendering Engine: Blink (เวอร์ชันใหม่)
- จุดเด่น: ประสิทธิภาพดี, รวมคุณสมบัติของ Windows 10, มีความปลอดภัย
- จุดด้อย: มีส่วนเสริมที่จำกัด
Safari
- ประวัติ: เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 โดย Apple
- Rendering Engine: WebKit
- จุดเด่น: ประสิทธิภาพสูงบนอุปกรณ์ Apple, การบริโภคพลังงานต่ำ
- จุดด้อย: อัพเดทไม่บ่อย, มีเฉพาะบนอุปกรณ์ Apple
Opera
- ประวัติ: เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995
- Rendering Engine: Blink
- จุดเด่น: มีฟีเจอร์ VPN และ Ad-blocker ในตัว, ส่วนเสริมสำเร็จรูป
- จุดด้อย: บางเว็บไม่สามารถรองรับได้เต็มที่
Brave
- ประวัติ: เปิดตัวในปี 2016 โดย Brendan Eich
- Rendering Engine: Blink
- จุดเด่น: มุ่งเน้นการเว็บท่องเว็บที่ปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
- จุดด้อย: การรองรับส่วนเสริมจำกัด
Vivaldi
- ประวัติ: เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016
- Rendering Engine: Blink
- จุดเด่น: ปรับแต่งได้หลากหลาย, ความยืดหยุ่นสูง
- จุดด้อย: การรองรับส่วนเสริมจำกัด
Tor Browser
- ประวัติ: พัฒนาจาก Firefox และมุ่งเน้นความเป็นส่วนตัว
- Rendering Engine: Gecko
- จุดเด่น: ปกป้องความเป็นส่วนตัว, ระบบ Tor ในตัว
- จุดด้อย: ความเร็วที่ค่อนข้างช้า
ข้อมูลส่วนแบ่งทางการตลาด เว็บบราวเซอร์
มีผลสำรวจส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก โดยเป็นข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดแบบทั่วโลก และแยกตามประเทศ รวมถึงยังมีแยกออกเป็นการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ของแต่ละระบบปฏิบัติการด้วย:
ส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลก (มีนาคม 2022 – มีนาคม 2023)
- Google Chrome: 63.51%
- Safari: 20.43%
- Microsoft Edge: 4.96%
- Firefox: 2.77%
- Samsung Internet: 2.59%
- Opera: 2.39%
ส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ประเทศไทย
- Google Chrome: 68.67%
- Safari: 23.34%
- Samsung Internet: 2.78%
- Microsoft Edge: 2.37%
- Firefox: 1.43%
- Opera: 0.63%
ส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลก บนมือถือ
- Chrome: 61.96%
- Safari: 26.85%
- Samsung Internet: 4.8%
- Opera: 1.88%
- UC Browser: 1.71%
- Android Browser: 0.88%
ส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลก บนแท็บเล็ต
- Chrome: 48.03%
- Safari: 36.52%
ส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ประเทศไทย บนแท็บเล็ต
- Chrome: 52.56%
- Safari: 43.74%
ทำไม บราวเซอร์ Google Chrome ถึงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่าเจ้าอื่นๆ ?
109Menu ขอสรุปเหตุผลเหล่านี้ที่ทำให้ Google Chrome ได้รับความนิยมและมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงเกินกว่าเว็บเบราว์เซอร์อื่นๆ และยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีดังนี้.
- ความเร็ว: ตั้งแต่เริ่มต้น, Google Chrome ได้รับการยอมรับว่ามีความเร็วในการโหลดเว็บเพจและการประมวลผล JavaScript ที่ดีกว่าเว็บเบราว์เซอร์อื่นๆ
- การรองรับส่วนขยาย: Chrome มีร้านค้า Chrome Web Store ที่มีส่วนขยายมากมายที่สามารถเพิ่มฟีเจอร์และปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานตามความต้องการของผู้ใช้
- การประสานงานกับบริการ Google: Chrome ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับบริการต่างๆ ของ Google อย่างเช่น Gmail, Google Drive, และ YouTube ซึ่งทำให้ผู้ใช้ที่ใช้บริการของ Google มีประสบการณ์ที่ราบรื่นและเชื่อมโยงกันได้ดี
- การอัปเดตอัตโนมัติ: Chrome มีระบบการอัปเดตอัตโนมัติที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับเวอร์ชันล่าสุดและมีความปลอดภัย
- ความปลอดภัย: Chrome มีการป้องกันและแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจมีความเสี่ยง
- การประชาสัมพันธ์: Google ใช้กลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งในการโปรโมท Chrome และทำให้มันเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ใช้ใหม่
- การรองรับแพลตฟอร์ม: Chrome มีการรองรับหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, macOS, Linux, Android, และ iOS
- การประสานงานกับ Android: ด้วยการเติบโตของ Android ที่เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนยอดนิยม, Chrome ก็ได้รับประโยชน์จากการเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นบนแพลตฟอร์มนี้
- การใช้งานที่ง่าย: อินเตอร์เฟซของ Chrome ถูกออกแบบมาให้เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้ง่าย
รู้จัก Rendering Engine ผู้อยู่เบื้องหลัง เว็บบราวเซอร์
เมื่อคุณรับชมภาพยนตร์, หรือเปิดเว็บไซต์บนโทรศัพท์ คุณมักจะไม่คิดถึงการทำงานในเบื้องหลัง หรือกลไกที่ทำให้ภาพเหล่านั้นปรากฏบนหน้าจอของคุณ วันนี้ ขอเราเปิดประตูเข้าสู่โลกของ “Rendering Engine” หัวใจที่ทำให้เราเห็นภาพดิจิทัลอย่างละเอียดและสวยงาม
Rendering Engine คือ ตัวประมวลผลที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลหรือโค้ด (เช่น HTML, CSS) เป็นภาพที่เราสามารถเห็นได้บนหน้าจอ, หรือที่เราเรียกว่า “แสดงผล หน้าเว็บไซต์ หรือ ภาพในแอปพลิเคชัน
อธิบายตัวอย่างง่าย ๆ:
- เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์บนเว็บเบราว์เซอร์: Rendering Engine ของเว็บเบราว์เซอร์ (เช่น Blink สำหรับ Chrome หรือ WebKit สำหรับ Safari) จะแปลงโค้ด HTML และ CSS เป็นหน้าเว็บที่คุณเห็นบนหน้าจอ.
- เมื่อคุณเล่นเกม: Rendering Engine ของเกมนั้น ๆ จะแปลงข้อมูลเกี่ยวกับกราฟิก, แสง, และเฉดสี เป็นภาพที่เราเห็นขณะเล่นเกม.
- ทั้งนี้ทั้งนั้น, ไม่ว่าจะอยู่ในบริบทใด หลักการของ Rendering Engine คือ การแปลงข้อมูลเป็นภาพที่สามารถนำเสนอบนหน้าจอให้ผู้ใช้เห็นได้.
Rendering Engine หลักๆ ที่ เว็บบราวเซอร์ นิยมใช้มี 3 ตัว
- Blink Rendering Engine
ต่อมาเรามี ‘Blink’, เครื่องยนต์ที่ถูกใช้โดย Google Chrome, มันเป็นเครื่องยนต์ที่ง่ายและรวดเร็ว, และถูกปรับแต่งเพื่อให้สามารถจัดการกับเว็บที่ซับซ้อนได้ดี. - Gecko Rendering Engine
‘Gecko’ หากคุณเคยใช้ Firefox คุณอาจจะรู้จักเครื่องยนต์นี้, มันถูกสร้างขึ้นโดย Mozilla และถูกออกแบบมาเพื่อความเป็นกลางและสนับสนุนมาตรฐานเว็บ. - WebKit Rendering Engine
‘WebKit’ เป็นพื้นฐานของ Safari ที่ถูกสร้างโดย Apple. มันก็เป็นเครื่องยนต์ที่มีความเร็วและมีประสิทธิภาพ, และถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ iOS.
เว็บเบราว์เซอร์เป็นเครื่องมือที่สำคัญในยุคดิจิทัล ไม่เพียงแต่เป็นประตูสู่โลกอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูล และสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ยังสามารถป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของเราจากความเสี่ยงต่างๆ ด้วย การเข้าใจในการทำงานและการใช้งาน เว็บเบราว์เซอร์ อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ